• April 8, 2024

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนขายสินค้าออนไลน์

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนขายสินค้าออนไลน์

ว่ากันด้วยเรื่องของข่องทางการทำมาหากินในปัจจุบันนั้น….เป็นอะไรที่ต้องดิ้นรนหทางทำงานต่างๆ มากมายเลยก็ว่าเครับ ซึ่งก้มีหลายๆ ท่านที่หันเหมาทำการค้าขายของออนไลน์มากมายเลยหล่ะ  บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “สิ่งที่ต้องรู้ก่อนขายสินค้าออนไลน์” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

หลักการเลือกหาสินค้าและวางแผนการขายของออนไลน์ที่ควรทำตาม

●รู้จักกับช่องทางการขายสินค้า เลือกให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

ช่องทางการขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลาย เช่น ขายบน เว็บไซต์ ที่เปิดใหม่ขึ้นเอง ซึ่งแม้จะต้องลงทุนเพื่อทำเว็บไซต์ของตัวเอง แต่ก็มีข้อดี คือ สามารถบริหารจัดการหน้าร้าน การแสดงผล รวมถึงฟังก์ชั่นที่ต้องการได้ตามที่ต้องการนอกจากนี้ยังสามารถขายผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง e-Marketplace เช่น Shopee, Lazada ก็สะดวกง่ายดาย หรือจะขายผ่าน Social Commerce อาทิ Facebook, IG, Line ที่เดี๋ยวนี้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้สามารถค้าขายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้และเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น

●งบลงทุนและการหาสินค้ามาขาย

“งบลงทุน” เป็นสิ่งแรกที่ต้องวางแผนงบการขายสินค้า เพราะจะเป็นตัวกำหนดให้เราใช้เงินลงทุนในงบที่กำหนด ป้องกันการใช้งบบานปลาย สิ่งที่ควบคู่กันมาก็คือ การหาสินค้ามาขาย ควรเริ่มต้นจากความชอบของผู้ค้า และเช็กความต้องการของลูกค้าในตลาดด้วย รวมถึงมองหา “แหล่งสินค้า” ที่จะนำมา “ขายของออนไลน์” โดยสามารถหาซื้อได้จากหลายแหล่ง ซึ่งมีราคาและคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป จึงควรลงพื้นที่สำรวจสินค้า เพื่อให้ได้สินค้าที่ดีตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด โดย “แหล่งสินค้า” ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมไปเสาะหาสินค้ามาขาย ได้แก่

–           ตลาดโรงเกลือ : เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการขาย “สินค้ามือสอง” หรือ “ของสะสม” ที่นี่เป็นแหล่งค้าส่งสินค้ามือสองขนาดใหญ่ ที่ขายในราคาถูก แม่ค้ามือใหม่สามารถไปหาซื้อและคัดสรรสินค้ามือสองคุณภาพดี แล้วนำมาขายต่อทำกำไรได้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ผ้าห่ม ของแต่งบ้าน ฯลฯ

–           ตลาดโบ๊เบ๊/สำเพ็ง/ประตูน้ำ : เป็นแหล่งค้าส่งในไทย ที่แม่ค้าหาซื้อของได้ในราคาถูก เหมาะกับผู้ที่ต้องการขายสินค้ามือหนึ่งจำพวกเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ของกิ๊บช็อป อุปกรณ์ทำเครื่องประดับ สินค้าตามเทศกาล (สงกรานต์, ฮาโลวีน, คริสต์มาส), เครื่องสำอาง, เครื่องเขียน ฯลฯ

●สั่งจากซื้อยกโหลจากต่างประเทศ  ซึ่งการซื้อสินค้าจำนวนมากๆ จากต่างประเทศอย่างประเทศจีนนั้นจะทำให้ได้ของที่มีราคาดีและคุณภาพที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถเก็งกำไรและลงต้นทุนได้นั้นเองครับ

ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีด้วยนะ!!

ค้าขายออนไลน์จะแบ่งประเภทการเสียภาษีดังนี้

1. หักค่าใช้จ่ายตามจริง

ผู้ค้าออนไลน์ที่มีต้นทุนสูงในการขายสินค้า เหมาะกับการยื่นภาษีแบบหักค่าใช้จ่ายตามจริง เพราะวิธีนี้จะทำให้คนที่มีต้นทุนสูงสามารถหักค่าใช้จ่ายได้สูงด้วย ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายไปแล้ว เงินได้สุทธิที่ต้องนำมาคำนวณภาษีก็จะลดลงตามไป โดยวิธีนี้ต้องจัดเก็บรวบรวม “บัญชีรายรับรายจ่าย” พร้อม “หลักฐาน” ไว้ให้ครบถ้วนเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ และช่วยลดความสับสนเมื่อต้อง ยื่นภาษี

2. หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60%

เหมาะกับใคร ? ผู้ค้าออนไลน์ที่มีกำไรเยอะ เช่น กำไรที่แท้จริงหักค่าใช้จ่ายแล้วมีมากกว่า 40% หมายความว่าต้นทุนของธุรกิจจะน้อยกว่า 60% ของรายได้ทั้งหมด กรณีนี้แนะนำให้เลือกใช้การยื่นภาษีแบบเหมา ซึ่งข้อดีของการยื่นแบบนี้ คือไม่ต้องแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายใดๆ กับกรมสรรพากร และทำให้เราได้ประโยชน์ทางภาษีในส่วนต่างของต้นทุนที่แท้จริง กับค่าใช้จ่ายแบบเหมาเหมาในอัตรา ร้อยละ 60 นั้นเองครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “สิ่งที่ต้องรู้ก่อนขายสินค้าออนไลน์” ที่พวกเราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าทุกๆ ท่านน่าจะได้ความรู้กันมากขึ้นนะครับ